ในปี 1942 ไม่กี่เดือนหลังจากสหรัฐถูกโจมตีที่เพร์ลฮาเบอร์ กองทัพญี่ปุ๋นได้เข้าโจมตีเกราะแห่งนี้ โดยมีผู้เสียชีวิตจากการเข้าโจมตีครั้งนั้นราวๆพันกว่าคน และหลังจากญี่ปุ่นได้ยึดเกราะแห่งนี้แล้ว ทหารสหรัฐและทหารฟิลิปปินส์ได้ถูกจับเป็นเชลยกว่า 3000 นาย และถูกทรมานด้วยวิธีต่างๆนาๆ ซึ้งก็ทำให้คนที่ทนไม่ไหวได้เสียชีวิตไปอิกหลายร้อยคน
ต่อมาในปี 1945 กองทัพสหรัฐ ก็ยกทัพมาโจมตีเกาะแห่งนี้ในยุทะการ "ปลดปล่อยฟิลิปปินส์"และได้ต่อสู้กับทหารญี่ปุ่นอย่างดุเดือดอยู่หลายวัน ในที่สุดก็สามารถยึดเกาะเเห่งนี้ได้สำเร็จ ในการต่อสู้ครั้งนี้มีทหารสหรัฐเเละทหารญี่ปุ่นเสียชีวิตไปราวๆ 8000 กว่านาย และยังไม่รวมพวกที่ฆ่าตัวตายหลังจากนั้นอิกกว่า 3000 กว่าคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารญี่ปุ่น
จากประวัติอันโหดร้ายที่เต็มไปด้วยกลิ้นคาวเลือดของเกาะนี้ ทำให้ชาวฟิลิปปินส์เชื่อกันว่าเกาะนี้เต็มไปด้วยวิญญาณทหารที่มีความเจ็บปวด ทรมาน เเละความแค้นมากมายหลายพันดวงจึงทำให้เกาะแห่งนี้เป็นที่นิยมสำหรับพวกที่ชอบมาล่าท่าผี และพวกวัยรุ่นที่อยากจะลองของ
หนึ่งในสถานที่ที่เชื่อกันว่าหลอนที่สุดบนเกาะแห่งนี้คงหนีไม่พ้นอุโมง malinta ที่เคยเป็นสุสานของทหารญี่ปุ่นกว่า 3000 นาย โดยพวกเขาขังตัวเองไว้ในอุโมงแห่งนี้และฆ่าตัวตายกันทั่งหมด อุโมงนี้เป็นที่ที่มักจะมีการเข้าไปพิสูตรน์ผีและลองของกันอยู่บ่อยๆส่วนมากคนที่เข้าไปจะเจอดีกันทุกคน โดยกิจกรรมที่นิยมกันมากคือเข้าไปในอุโองพร้อมไฟฉายและกล้องถ่ายรูป เพื่อใช้กล้องนั่นถ่ายรูปในอุโมงที่อาจจะติดวิญญาณมาในรูป แล้วก็ได้เรื่องจริงๆ เมื่อวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งถ่ายภาพติดใบหน้าปริศนาในอุโมงแห่งนี้เข้าจนได้ และได้รับการพิสูตรแล้วว่าไม่ได้เกิดจากการตัดต่อหรือเทคนิคพิเศษใดๆ
หลังจากที่ภาพถ่ายติดวิญญาณเริ่มโด่งดัง พื้นที่ส่วนอื่นๆของเกาะก็ได้รับความนิยมในเรื่องการลองของตามไปด้วย เพราะว่าสิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นอาคารเก่าแก่ปรักหักพังชวนหลอนแทบทั้งนั้น จนมีการตั้งการทัวผีเป็นเรื่องเป็นราวเลยทีเดียว และแน่นอนว่าจะต้องมีคนพบเห็นอะไรแปลกๆหลอนๆกันอยู่เป็นปะจำ
ปัจจุบันเกาะแห่งนี้ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของฟิลิปปินส์เลยก็ว่าได้ ดังนั้นใคนที่อยากสัมผัสบรรยากาศหลอนๆบนเกาะแห่งนี้ก็สามารถไปใช้บริการกันได้ แล้วอย่าลืมถ่่ายภาพมาฝากด้วยนะครับ เผื่อจะเจออะไรดีๆติดมากับรูป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น